เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จริยาปิฎก [2. หัตถินาควรรค] รวมจริยาที่มีในวรรค
[89] พวกบุตรของนายพรานได้แทงที่จมูก
หางและกระดูกสันหลัง ยกใส่หาบแล้ว นำเราไป
[90] ถ้าเราปรารถนา ก็พึงเผามหาปฐพีซึ่งมีสมุทรสาครเป็นที่สุด
พร้อมทั้งป่าทั้งภูเขาได้ด้วยลมจากจมูกในที่นั้น
[91] แต่เราไม่โกรธเคืองพวกบุตรนายพราน
แม้จะแทงเราด้วยหลาว แม้จะทุบตีเราด้วยหอก
นี้เป็นศีลบารมีของเรา ฉะนี้แล
สังขปาลจริยาที่ 10 จบ
หัตถินาควรรคที่ 2 จบ

รวมจริยาที่มีในวรรคนี้คือ

1. มาตุโปสกจริยา 2. ภูริทัตตจริยา
3. จัมเปยยจริยา 4. จูฬโพธิจริยา
5. มหิสราชจริยา 6. รุรุราชจริยา
7. มาตังคจริยา 8. ธรรมเทวปุตตจริยา
9. ชยทิสจริยา 10. สังขปาลจริยา

จริยาทั้งหมดนี้เป็นกำลังของศีล เป็นบริขารเป็นข้ออ้างของศีล
เราตามรักษาศีลเพราะยังห่วงใยชีวิต
เราผู้เป็นสังขปาลนาคราชได้มอบชีวิตให้
แก่คนใดคนหนึ่ง แม้ตลอดกาลทุกเมื่อ
เพราะเหตุนั้น จริยานั้นจึงเป็นศีลบารมี ฉะนี้แล
นิทเทสแห่งศีลบารมี จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :757 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จริยาปิฎก [3. ยุธัญชยวรรค] 1. ยุธัญชยจริยา
3. ยุธัญชยวรรค
หมวดว่าด้วยกุมารนามว่ายุธัญชัยเป็นต้น
3. การบำเพ็ญบารมีมีเนกขัมมะเป็นต้น
1. ยุธัญชยจริยา
ว่าด้วยพระจริยาของพระยุธัญชัยกุมาร
[1] ในกาลที่เราเป็นพระราชโอรส
นามว่ายุธัญชัย มีบริวารยศหาประมาณมิได้
สลดใจเพราะได้เห็นหยาดน้ำค้างที่เหือดแห้งไปเพราะแสงดวงอาทิตย์
[2] เราทำความเป็นอนิจจัง(ความไม่เที่ยง)นั้นแล
ให้เป็นสิ่งที่สำคัญ พอกพูนความสังเวช
ไหว้พระมารดาและพระบิดาแล้วทูลขอบรรพชา
[3] พระมารดาและพระบิดาพร้อมทั้งชาวนิคมทั้งชาวแว่นแคว้น
ประนมมืออ้อนวอนเราว่า
วันนี้ เจ้าจงปกครองแผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาลเถิดลูก
[4] เมื่อมหาชนพร้อมทั้งพระบิดา นางสนม ชาวนิคม
และชาวแว่นแคว้น ร้องไห้ร่ำไรน่าเวทนายิ่งนัก
เราไม่ห่วงใย สละไปแล้ว
[5] เราสละราชสมบัติในแผ่นดิน หมู่ญาติ บริวารชน
และยศศักดิ์ทั้งสิ้น ไม่คิดถึงเลย เพราะเหตุแห่งพระโพธิญาณเท่านั้น
[6] พระมารดาและพระบิดาจะเป็นที่รังเกียจของเราก็หาไม่
ยศอันยิ่งใหญ่ จะเป็นที่รังเกียจของเราก็หาไม่
แต่เพราะพระสัพพัญญุตญาณเป็นที่รักของเรา
เพราะฉะนั้น เราจึงสละราชสมบัติ ฉะนี้แล
ยุธัญชยจริยาที่ 1 จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :758 }